หลัง จากเกิดปัญหาการเมืองร้อนแรงภายในประเทศไทย ทำให้ส่งผลกระทบตรงต่อสภาพธุรกิจการค้า โดยเฉพาะ ผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ และช่วยเหลือผู้ประกอบการ รัฐบาลจึงมีมติให้ประชาชนสามารถนำใบเสร็จค่าห้องพักในโรงแรม และค่าเครื่องบินในการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศไทย มาหักลดหย่อนภาษีภาษีบุคคลธรรมดาได้ วงเงินไม่เกิน 15,000 บาท ต่อรายต่อปี รวมไปถึงผู้ที่ซื้อแพ็คเกจทัวร์ในประเทศ เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ และช่วยเหลือผู้ประกอบการ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2553 จนถึงสิ้นปี 2553
นอกจากนี้ ยังอนุมัติให้บริษัทที่จัดสัมมนาในประเทศ สามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษีกับกรมสรรพากรได้ 2 เท่า มีระยะเวลา 2 รอบบัญชี รวมทั้งค่าใช้จ่ายงานแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ ก็สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าเช่นกัน เริ่มตั้งแต่มกราคม 2553 - 31 ธันวาคม 2554
ขณะเดียวกัน นายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า เบื้องต้นกำหนดให้ประชาชนสามารถนำค่าใช้จ่ายในส่วนค่าที่พักในโรงแรม ที่มีใบอนุญาตถูกต้องตามพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 มาหักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ไม่เกิน 15,000 บาท โดยนับรวมธุรกิจที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมจากกระทรวงมหาดไทย หรือผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่มีรายชื่อขึ้นทะเบียนกับสมาคมท่องเที่ยว
สำหรับเรื่องค่าตั๋วเครื่องบินที่ สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้นั้น หมายถึงจะต้องเป็นรายจ่ายที่อยู่ในแพ็กเกจท่องเที่ยว เช่น เมื่อซื้อแพ็กเกจทัวร์ไปเที่ยว 3 หมื่นบาท เมื่อออกใบเสร็จจะต้องให้รวมค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับด้วยถึงจะนำมาลดหย่อน ภาษีได้ แต่กรณีที่ซื้อตั๋วบินไปเที่ยวเองไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ เช่นเดียวกับกรณีของค่าอาหารถ้าคิดรวมอยู่ในแพ็กเกจท่องเที่ยวแล้วก็สามารถ นำมาลดหย่อนภาษีได้ด้วยเช่นกัน ส่วนรี สอร์ต เกสต์เฮาส์ หรือโฮมสเตย์ ถ้าจดทะเบียนถูกต้องก็ได้รับสิทธิหมด ส่วนประชาชนที่ต้องการใช้สิทธิ ทางที่ดีก็ควรสอบถามที่พักที่จะไปว่าได้จดทะเบียนถูกต้อง และสามารถออกใบเสร็จเพื่อนำไปลดหย่อนภาษีปลายปีนี้ได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า มาตรการภาษีเพื่อบรรเทาภาระและฟื้นฟูธุรกิจการท่องเที่ยวนี้ เป็นมาตรการที่จะช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวซึ่งสร้างรายได้หลักให้แก่ประเทศ มีโอกาสฟื้นตัวก่อนและเติบโตเป็นแรงส่งให้ธุรกิจต่อเนื่องที่เกี่ยวข้อง สามารถฟื้นตัวขึ้นตาม ในระยะยาวการสูญเสียรายได้ของรัฐบาลส่วนนี้ จะได้รับการชดเชยกลับตามสภาพทางการค้าจากระบบเศรษฐกิจที่ปรับตัวสู่สภาพปกติ แล้วแน่นอน
สำหรับเกณฑ์การท่องเที่ยวลดหย่อนภาษีมีดังต่อไปนี้ …
กรณีบุคคลธรรมดา
รายจ่ายตามมาตรการภาษี | สิทธิประโยชน์ทางภาษี | ระยะเวลาบังคับใช้ |
ยกเว้นเงินได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท | ในปีภาษี 2553 |
กรณีบริษัท/ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
รายจ่ายตามมาตรการภาษี | สิทธิประโยชน์ทางภาษี | ระยะเวลาบังคับใช้ |
1. ค่าใช้จ่ายงานนิทรรศการ/งานแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ เช่น · ค่าเช่าพื้นที่จัดแสดง · ค่าก่อสร้างสถานที่จัดแสดง · ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าระวาง ค่าประกันภัย ค่าขนส่งสินค้าและอุปกรณ์การออกร้าน | หักได้ 2 เท่า ของต้นทุนที่จ่ายจริง | วันประกาศใช้ ถึง 31 ธันวาคม 2554 |
2. ค่าใช้จ่ายจัดสัมมนาภายในประเทศ ทั้งกรณีที่ดำเนินการเอง และกรณีซื้อ Package ให้ลูกจ้างโดยใช้บริการผู้นำเที่ยว (ที่ได้รับอนุญาต) เช่น · ค่าห้องสัมมนา · ค่าห้องพัก · ค่าจัดการ, ค่าขนส่ง · ค่าอาหารหรือค่าใช้จ่ายอื่นใน Package นั้น | หักได้ 2 เท่า ของต้นทุนที่จ่ายจริง | 2 รอบระยะเวลาบัญชี (2553-2554) |
3. ค่าเสื่อม...
รายจ่ายตามมาตรการภาษี | สิทธิประโยชน์ทางภาษี | ระยะเวลาบังคับใช้ |
3. ค่าเสื่อมราคา/ค่าสึกหรอ จากทรัพย์สิน (สังหาริมทรัพย์) ที่ซื้อใหม่ (ไม่รวมยานพาหนะ) อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ | หักได้ 60% ของมูลค่าทรัพย์สิน นับตั้งแต่วันที่ได้มาซึ่งทรัพย์สิน | วันประกาศใช้ ถึง 31 ธันวาคม 2554 |
4. ธุรกิจรถยนต์เช่า (มีรายได้โดยตรงจากการมีรถยนต์ให้เช่า) ประเภท : รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน 4.1 ผู้ประกอบการรถเช่าที่มีรถยนต์เป็นของตนเอง 4.2 ผู้ประกอบการรถเช่าที่เช่ารถผู้อื่นมาเพื่อให้เช่าต่อ | หักค่าสึกหรอและ ค่าเสื่อมราคาได้เต็มมูลค่าต้นทุน รายจ่ายค่าเช่ารถยนต์ หักได้ 100% | ตลอดไป ตลอดไป |
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น